ในปัจจุบันการเล่นโยคะได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะโยคะสามารถฝึกการทรงตัวให้กับร่างกายได้ดี ในทุกกระบวนท่าของโยคะส่งผลดีต่อร่างกายได้ทุกสัดส่วน ทั้งยังช่วยฝึกสมาธิให้กับผู้เล่นอีกด้วย และเนื่องจากโยคะเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเคลื่อนไหว รวมทั้งการทรงตัวเป็นหลักแล้ว ทำให้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยทรงตัวให้ดียิ่งขึ้น จึงขาดไม่ได้เลยสำหรับ “เสื่อโยคะ

เสื่อโยคะที่ดี จะสามารถช่วยรองรับแรงกด แรงกระแทก และป้องกันการลื่นเวลาออกกำลังกายในท่าทางต่างๆ โดยเราจะมาแนะนำ เสื่อโยคะ คุณภาพดี ราคาสุดปังจากหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน พร้อมทั้งประโยชน์ที่มีมากกว่าที่คุณคิด รวมถึงคุณสมบัติต่างๆ ของเสื่อโยคะ เราได้คัดสรรเสื่อโยคะ คุณภาพดีของแบรนด์ต่างๆ ให้คุณได้เป็นแนวทางในการเลือกใช้ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของคุณ | จัดอันดับโดย pro4289

10 อันดับ เสื่อโยคะ ยี่ห้อไหนดี 2024

1

JASON เสื่อโยคะ รุ่น Yoga Mat X-ercise JS0544

2

Bewell เสื่อโยคะ อัพเกรด premium

3

JASON เสื่อโยคะ รุ่น X-Pro Mark ll FIRE

4

Adidas เสื่อฟิตเนส สีน้ำเงิน

5

ASANA VERSION 2 NON-SLIP Yoga Mat

6

Dabe เสื่อโยคะ

7

Siravana เสื่อโยคะยางพารา Two Tone รุ่น Bow Ribbon

8

KHANA MAT เสื่อโยคะ ขณะ ลายเส้น Khana Yoga Mat

9

Readte เสื่อโยคะ หนา 6 มม. กันลื่น TPE Yoga Mat

10

illuztika เสื่อโยคะ Natural rubber 4mm ลาย Rose YM514

ยี่ห้อดัง เสื่อโยคะ

เสื่อโยคะ ยอดนิยม ขายดี - ประจำเดือน

ประเภทของเสื่อโยคะ

เสื่อโยคะสามารถแบ่งประเภทออกได้ตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยมีดังนี้

  • เสื่อโยคะแบบ PVC : ผลิตจากโพลีไวนิลคลอไรด์ มีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นได้ปานกลาง พกพาง่าย แต่มีข้อเสียคือ ไม่กันลื่น คืนตัวช้า เมื่อใช้งานไปนานๆ ตัวเสื่อจะลอกเป็นขุย ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
  • เสื่อโยคะแบบ TPE : ผลิตจากพลาสติกผสมยางธรรมชาติ ให้ความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้ดี มีน้ำหนักปานกลาง ม้วนเก็บได้ง่าย กันลื่น ช่วยซัพพอร์ตร่างกายได้ในระดับหนึ่ง สามารถรีไซเคิลได้ แต่ข้อเสียคือ ไม่ดูดซับเหงื่อ สะสมกลิ่นอับ เมื่อใช้ไปนานๆ จะหลุดลอกเป็นขุยได้
  • เสื่อโยคะแบบ NBR : ผลิตจากยางสังเคราะห์โคโพลิเมอร์ชนิดหนึ่ง มีความหนานุ่ม ยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา กันน้ำได้ดี ทำความสะอาดง่าย รองรับการออกกำลังกายได้หลากหลาย ใช้งานได้ยาวนาน สามารถย่อยสลายได้ ข้อเสียคือ มีกลิ่นของยาง ม้วนเก็บและพกพาได้ยาก เนื่องจากตัวเสื่อมีความหนา และราคาค่อนข้างสูง
  • เสื่อโยคะแบบ Natural Rubber : ผลิตจากยางธรรมชาติ 100% มีความนุ่ม มีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรง ทนทาน ซึมซับน้ำและเหงื่อได้ดี ระบายอากาศได้เร็ว ทำความสะอาดง่าย ป้องกันการสะสมของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ใช้งานได้นาน สามารถย่อยสลายได้ แต่มีข้อเสียคือ มีกลิ่นยาง และมีน้ำหนักมากกว่าแบบอื่นๆ ทั้งราคายังสูงกว่าแบบอื่นๆ อีกด้วย
  • เสื่อโยคะฝ้าย : ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ดูดซับเหงื่อและน้ำได้ดี แต่ต้องหมั่นทำความสะอาด เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย

ประโยชน์ของเสื่อโยคะ

  • ช่วยรองรับแรงกดและแรงกระแทกได้ดี
  • ป้องกันการลื่นเวลาออกกำลังกายในท่าทางต่างๆ
  • ป้องกันไม่ให้เจ็บตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  • ซับเหงื่อได้ดี ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง

การเลือกซื้อเสื่อโยคะ

  1. เลือกเสื่อโยคะจากวัสดุที่ใช้ผลิต

เสื่อโยคะของแต่ละแบรนด์ใช้วัสดุในการผลิตที่แตกต่างกัน ทำให้มีคุณภาพและคุณสมบัติที่ต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นหากต้องการซื้อเสื่อโยคะจึงควรศึกษาวัสดุและประเภทของเสื่อให้ดีก่อนว่ามีคุณสมบัติตรงตามที่เราต้องการนำไปใช้ในการออกกำลังกายหรือไม่ เพื่อลดการสิ้นเปลือง และสามารถนำไปใช้ออกกำลังกายได้จริงตามที่เราต้องการ

  1. เลือกจากพื้นผิวของเสื่อโยคะ

เสื่อโยคะที่ดีต้องมีความหนึบ สามารถยึดเกาะพื้นผิวได้ดี ดูดซับเหงื่อ กันน้ำ และกันลื่นได้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ใช้งาน ดังนั้นก่อนซื้อควรสอบถามกับผู้ขายให้ดีก่อน หรือทดสอบด้วยตัวของคุณเอง

  1. เลือกจากความหนาและความบางของเสื่อโยคะ

ความหนา-ความบางของเสื่อถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันคือ หากเสื่อโยคะมีความหนาและมีน้ำหนักมากเกินไป จะทำให้ทรงตัวยาก ทั้งยังพับเก็บและพกพาได้ยาก และถ้าเลือกเสื่อโยคะที่บางเกินไป เมื่อใช้งานอาจจะทำให้เจ็บตามข้อต่อ หรือตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ใช้รองรับน้ำหนักตัวได้

ดังนั้นความหนาของเสื่อโยคะที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายที่ต้องรองรับแรงกระแทกสูง ควรมีความหนาอยู่ที่ 8-10 มิลลิเมตร ส่วนเสื่อโยคะที่มีความหนา 4-6 มิลลิเมตร จะเหมาะสำหรับผู้เล่นโยคะทั่วไป หรือผู้เริ่มฝึกใหม่ และเสื่อที่มีความหนา 1.5-3 มิลลิเมตร จะเป็นที่นิยมและเหมาะกับผู้ที่เล่นโยคะได้อย่างเชี่ยวชาญดีแล้ว

คำถามที่พบบ่อย

ลองเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายโยคะเป็นสตูดิโอที่มีสัญญาณเสียงหรือแสงสีสันเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน หรือท่าโยคะที่น่าสนใจและท้าทายตามความสามารถของคุณ

ให้ความสำคัญกับการซ้อมที่ถูกต้องและเทรนเนอร์ที่มีความรู้และประสบการณ์ หากมีอาการเจ็บปวดควรหยุดทำและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพบำบัด

ศึกษาและฝึกฝนโปรแกรมโยคะอย่างถูกต้องจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น หนังสือ วิดีโอการสอน หรือคลาสโยคะที่มีผู้สอนชำนาญ

ใช้เวลาในการฝึกฝนและการสำรวจท่าโยคะที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง รับรู้การหายใจของคุณในแต่ละท่า และค่อยๆ เพิ่มความรู้สึกและความมั่นใจในการทำโยคะ

ค้นหาแอปพลิเคชันหรือวิดีโอการสอนโยคะที่สามารถทำได้ที่บ้านหรือที่ทำงาน เลือกโยคะที่สามารถทำในช่วงเวลาว่างหรือเพิ่มการออกกำลังกายโยคะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน