10 อันดับ แป้ง Covermark รุ่นไหนดี 2024 ช่วยคุมมัน ปกปิดรอยต่างๆ ได้ดี

แป้ง Covermark แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงด้านการปกปิดรอยต่างๆ บนผิวหน้าโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น รอยแผลเป็น รอยสิว รอยดำ รอยแดง รอยฝ้า กระ หรือจุดด่างดำก็ตาม Covermark ก็สามารถคิดค้นและผลิตเครื่องสำอางที่ตอบโจทย์ทุกปัญหากับทุกสภาพผิวได้เสมอ

แบรนด์ Covermark แบ่งประเภทของแป้งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ แป้งฝุ่นและแป้งผสมรองพื้น

• แป้งฝุ่น (Loose Powder): เป็นแป้งที่มีลักษณะเป็นผง เนื้อเนียนละเอียด ให้ความรู้สึกบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยลดความมันบนใบหน้าและดูดซับความมันส่วนเกินได้ดี เหมาะกับคนที่มีผิวมัน ผิวแพ้ง่าย เพราะเนื้อแป้งบางเบา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันบนผิวหน้า
• แป้งผสมรองพื้น (Foundation Powder): เป็นแป้งที่มีส่วนผสมของรองพื้น ทำให้มีเนื้อหนามากกว่าแป้งฝุ่นเล็กน้อย เหมาะกับผิวที่ต้องการการปกปิดหรือผิวที่ต้องการความเรียบเนียนเป็นพิเศษ

วิธีการเลือกแป้ง Covermark

1. ตรวจเช็คสภาพของผิว: คุณต้องเช็คสภาพผิวของคุณก่อนว่าคุณเป็นคนผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม เพื่อให้รู้ถึงความต้องการให้การดูแลผิวว่าคุณควรจะเลือกใช้แป้งประเภทไหน เช่น แป้งฝุ่นจะเหมาะสำหรับคนผิวมัน แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งก็ให้เลือกแป้งผสมรองพื้นที่มีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้
2. สีของผิวหน้า: การเลือกแป้งที่มีเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีผิว จะช่วยให้ผิวหน้าดูเป็นธรรมชาติ เพราะแป้ง Covermark มีเฉดสีต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อผิวของสาวๆ แต่ละคน แนะนำให้คุณทดลองทาแป้งบนใบหน้าหรือจุดที่ต้องการปกปิดรอยดูก่อน เพื่อดูว่าเฉดสีของแป้งเหมาะกับสีผิวของคุณหรือไม่
3. ทดลองใช้ดูก่อน: หากเป็นไปได้ควรทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ เพื่อตรวจสอบสีและคุณสมบัติในการปกปิดและความคงทนต่อเหงื่อ โดยให้คุณทดลองใช้ทาบนส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ต้องการปกปิดรอย เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้
4. อ่านรีวิวและความคิดเห็น: แนะนำให้คุณอ่านรีวิวและความคิดเห็นของผู้ใช้คนอื่นๆ เกี่ยวกับแป้ง Covermark เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพ คุณภาพ และประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุณสนใจ
5. ปฏิบัติตามคำแนะนำ: อ่านคำแนะนำและวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Covermark ที่แนบมากับผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ Covermark ที่เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของคุณ และควรทดลองใช้ผลิตภณฑ์นั้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์ที่ได้ก่อนตัดสินใจใช้ในระยะยาว อีกทั้งยังควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์ตามที่แนบมากับตัวสินค้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด